เมื่อดำเนินการเตรียมความพร้อมในการเคลือบกันซึมเรียบร้อยแล้วก็ให้เลือกชนิดกันซึมที่เหมาะสมกับอาคารและงบประมาณของผู้ว่าจ้าง โดยในที่นี้ผู้ว่าจ้างได้เลือกกันซึมชนิดโพลี่ยูรีเทนแบบสองส่วนผสม ( Two Component Polyurethane Waterproof)
คุณลักษณะพิเศษของกันซึมโพลี่ยูรีเทนชนิดสองส่วนผสมนี้ มีข้อดี คือ สามารถทนทานต่อการแช่การขังของน้ำได้มากกว่ากันซึมโพลี่ยูรีเทนชนิดส่วนผสมเดียว ( One Component Water Base Polyurethane)
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่ากันซึมโพลี่ยูรีเทนที่มีส่วนผสมเดียวมีชั้นเคลือบที่บาง เนื่องจากใช้ลูกกลิ้งทาเคลือบ และเนื่องจาก Base ที่ใช้ทำละลายเป็นน้ำ ดังนั้น เมื่อแช่น้ำเป็นเวลานาน จึงเปื่อยยุ่ยได้โดยง่าย
ในขณะที่กันซึมโพลี่ยูรีเทนสองส่วนผสม มีชั้นความหนาที่หนากว่าเนื่องจากการเคลือบใช้เกรียงฉาบและเป็นกันซึมชนิด Solid 100% ไม่มีน้ำเป็นส่วนผสมจึงสามารถทนต่อการแช่แข็งของน้ำได้ดีกว่ากันซึมประเภท Acrylic Water base และ Polyurethane One Component Water Base มาก
ขั้นตอนการเลือกกันซึมดำเนินการดังนี้คือ
1. เคลือบโพลี่ยูรีเทนชั้นรองพื้นด้วยวัสดุ Smartroof PU 201 เพื่อสร้างการยึดเกาะที่ดีระหว่างผิวชั้นเคลือบ Epoxy Putty Layer กับ Polyurethane Primer ดำเนินการรอจนวัสดุ PU Primer ชั้นรองพื้น แห้งตัวเรียบร้อย จึงดำเนินการเคลือบวัสดุ Polyurethane ในขั้นตอนต่อไป 2. เคลือบวัสดุชั้นกันซึมพื้นโพลี่ยูรีเทนชนิดสองส่วนผสม ( Polyurethane Two Component ) ด้วยเกรียงฉาบ ที่ความหนา 2.0-5.0 มิลลิเมตร ตามงบประมาณของลูกค้าและอายุการใช้งานที่ต้องการ เนื้อวัสดุ กันซึมโพลี่ยูรีเทนชั้นกลางเมื่อเคลือบลงบนกันซึมโพลี่ยูรีเทนชั้นรองพื้นแล้ว จะสังเกตว่า กันซึมโพลี่ยูรีเทนชั้นกลางนี้ ปรับระดับได้ในตัวเอง เป็นพื้นเดียวกันทั้งผืนโดยไม่มีรอยต่อจึงทำให้ไม่เกิดจุดอ่อนที่จะเกิดการรั่วซึม ซึ่งแตกต่างจากกันซึมชนิดแผ่น ที่มีรอยต่อมาก กันซึมโพลี่ยูรีเทนชั้นกลางนี้มีคุณสมบัติที่ดีในการป้องกันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี โดยตัวนี้วัสดุมีการยืดหยุ่นตัวที่ดี ( Very high Elongation) ประมาณ 400%